เลือกคลินิกผ่าตัดดึงหน้าที่ไหนดี ? ที่มั่นใจได้และปลอดภัย
ผ่าตัดดึงหน้าที่ไหนดี ? หนึ่งในคลินิกที่เชี่ยวชาญด้านการดึงหน้า ต้อง ศิริพรคลินิก
อยากดึงหน้า แต่จะไปผ่าตัดดึงหน้าที่ไหนดี คงเป็นคำถามที่เกิดขึ้นกับใครหลายๆ คน ที่ต้องการผ่าตัดดึงหน้า / ศัลยกรรมดึงหน้า เพื่อแก้ไขจุดหย่อนคล้อย บนใบหน้า อันเนื่องมาจากการเปลี่ยนแปลงของวัย และอายุที่เพิ่มมากขึ้น ซึ่งอาจจะเกิดขึ้นได้หลายๆ ปัจจัย เช่น มวลกระดูก กล้ามเนื้อ หรือความยืดหยุ่นของใบหน้า ที่ลดลง ผิวหนังที่หน้าผาก แก้ม กราม คางและคอ ก็จะห้อยลงมา ซึ่งหนึ่งในวิธีการปรับแก้ไขความหย่อนคล้อยในลักษณะแบบนี้ที่ดีที่สุด ก็คือ การผ่าตัดดึงหน้า เพื่อให้ใบหน้าเต่งตึง ดูสดใส แลดูอ่อนเยาว์ได้อย่างรวดเร็วนั่นเอง
ส่วนเรื่องของเทคนิคการผ่าตัดดึงหน้า ? อันนี้มันขึ้นอยู่กับเทคนิคของแต่ละโรงพยาบาลที่รับทำการผ่าตัดและศัลยกรรมตกแต่ง ซึ่งศัลยแพทย์แต่ละท่าน แต่ละคลินิกก็จะมีเทคนิคพิเศษที่แตกต่างและมีจุดเด่นอันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวกันไป ส่วนการเตรียมตัวก่อนการผ่าตัดดึงหน้า ซึ่งจะเกิดขึ้นหลังจากที่เราปรึกษากับศัลยแพทย์เพื่อตัดสินใจที่จะรับการผ่าตัด ก็ควรจะมีการปฏิบัติตัวดังนี้
1.ควรจะมีผลการตรวจสุขภาพ ตรวจร่างกายทุกอย่าง รวมถึงประวัติการรักษา หรือผลตรวจอย่างละเอียดสำหรับผู้ที่ต้องการรับการผ่าตัดดีงหน้า สำหรับคนที่มีอายุมากกว่า 40 ปีขึ้นไป รวมถึงคนที่มีความเสี่ยงกับโรคต่างๆ เช่น โรคหัวใจ ความดัน ซึ่งมีผลกระทบโดยตรงที่ศัลยแพทย์จะต้องรับทราบ เพราะต้องดมยาสลบในระหว่างการผ่าตัดดึงหน้า
2.ให้หยุดสูบบุหรี่ หรือดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เป็นเวลา 2-3 สัปดาห์
3.ต้องมีการพูดคุยกับศัลยแพทย์ให้ชัดเจน ถึงความต้องการและผลลัพธ์ต่างๆ ที่คาดหวัง หลังจากการได้รับการผ่าตัดดึงหน้า เช่น ผลลัพธ์เรื่องของริ้วรอยต่างๆ หลังการผ่าตัด รวมถึง ความสมดุลของใบหน้าทั้ง 2 ข้าง เป็นต้น
และก่อนที่จะทราบว่า ผ่าตัดดึงหน้าที่ไหนดี เราจะมาดูวิธีการดึงหน้ากันก่อน ซึ่งในแต่ละส่วนที่นิยมผ่าตัดของศัลยแพทย์กัน ว่ามีจุดไหนอย่างไรกันบ้าง โดยทั้งหมดที่เรารวบรวมมา ขึ้นอยู่กับการวินิจฉัยของศัลยแพทย์ ในแต่ละบุคคลในแต่ละเคส ซึ่งจะได้รับการผ่าตัดดึงหน้าไม่เหมือนกัน ในการผ่าตัด จะต้องได้รับการดมยาสลบ หรือยาชา เพื่อให้ผู้ที่ได้รับการผ่าตัดนอนหลับไป ปกติแล้ว จะมีระยะเวลาในการผ่าตัดประมาณ 2-4 ชั่วโมง โดยการผ่าตัดดึงหน้า ให้แลดูอ่อนเยาว์ลดปัญหาริ้วรอย ความหย่อนคล้อย ความหมองคล้ำต่างๆ ให้เหมือนธรรมชาติ จะมีด้วยกัน 6 แบบดังนี้
1.การผ่าตัดดึงโหนกแก้ม- ร่องแก้ม ( Mini facelift / Midface lift )
2.การผ่าตัดดึงหน้าทั้งหน้า ( Full face lift)
3.การผ่าตัดดึงหน้าโดยใช้วัสดุสังเคราะห์ (Endotine – Mid face lift)
4.การผ่าตัดกระชับลำคอ/ ผ่าตัดดึงคอ มี 2 เทคนิคตามตำแหน่งการเปิดแผลผ่าตัด ดังนี้
- เปิดแผลที่หน้าหูหลังหู ยาว (Neck Lift )
- เปิดแผลเล็กๆใต้คาง (Neck Tuck )
5.การผ่าตัดดึงคิ้ว ( Brow Lift / Forehead lift )เป็นการดึงระดับคิ้วขึ้น ทำให้ใบหน้าดูสดใสขึ้น คิ้วไม่ตกง
การผ่าตัดดึงคิ้วมี 3 แบบดังนี้
- ผ่าตัดดึงคิ้วด้วยกล้อง ข้อดีคือแผลเล็ก
- ผ่าตัดดึงคิ้วแผลเหนือหู ประมาณ5-7 เซนติเมตร
- ผ่าตัดดึงคิ้วแบบแผลกว้าง ในกรณีที่ต้องการ ดึงหน้าผากทั้งหมดให้สูงขึ้น ลดริ้วรอยที่เป็นมากที่หน้าผากอีกด้วย
6.การทำให้หน้าตึงด้วยการฉีดไขมัน( Fat graft )
ซึ่งในแต่ละแบบที่เรายกตัวอย่างไป ศัลยแพทย์แต่ละบุคคลอาจจะมีการนำเอาเทคนิคหลายๆ รูปแบบมาใช้และผสมผสานกัน เพื่อทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของใบหน้า ทำให้ดูอ่อนเยาว์ ใบหน้าหลังการผ่าตัดทำให้ดูอูม อวบอิ่ม สวยงามขึ้นนั่นเอง
มาดูกันต่อเรื่องการดูแลแผลอย่างไรหลังการผ่าตัด ไม่ให้เกิดผลกระทบ หรือผลข้างเคียงใดๆ กับเรา
1.หลังการผ่าตัด ผู้ที่รับการผ่าตัด ควรจะนอนหมอนสูง ยกศีรษะให้สูงไว้เท่าที่จะทำได้
2.ไม่ควรล้างหน้า สระผม ประมาณ 2-4 วันหลังการผ่าตัด เพื่อให้ไม่มีผลกระทบกับแผลที่ผ่าตัด
3.ควรจะเคลื่อนไหวร่างกาย หรืออวัยวะต่างๆ ให้ช้าลง เพื่อไม่ให้กระทบกับระบบเลือดที่ไหลเวียน
4.ควรจะสวมผ้ารัดใบหน้า ประมาณ 3-4 วันแรก
(สวมเฉพาะเวลากลางคืนอย่างน้อย 1 เดือนเพื่อช่วยลดอาการบวมที่เกิดจากการผ่าตัด)
5.งดการออกกำลังกาย อย่างน้อย 1 เดือน
6.หยุดการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ การสูบบุหรี่ อย่างน้อย 1 เดือน
7.ไปพบศัลยแพทย์เจ้าของไข้ทุกครั้ง เพื่อเฝ้าติดตามผลหลังจากการผ่าตัด
หลังการผ่าตัด ความเสี่ยงและปัญหาอาการแทรกซ้อนที่อาจจะเกิดขึ้นได้ หลังการผ่าตัดดึงหน้า
1.ปัญหาเรื่องของอาการเลือดคั่ง ที่อาจจะเกิดขึ้นใต้ผิวหนังหลังการผ่าตัด
2.ปัญหาเรื่องของการสะสมของน้ำเหลือง ในบางจุด บางส่วนของใบหน้า ที่เกิดจากการยุบและบวม
3.อาการผมร่วง หรือจุดที่มีอาการเปิดแผล ซึ่งบางรายอาจจะต้องทำการปลูกผมใหม่
4.อาการแผลคีลอยด์ที่อาจจะเกิดขึ้นหลังการตัดไหม
5.ภาวะเนื้อผิวหนังตาย เนื่องจากเลือดไปเลี้ยงส่วนนั้นไม่พอ
6.อาการผิวหนังไม่เรียบ ส่วนนี้อาจจะใช้วิธีการแก้ไข วิธีอื่นๆ ช่วยได้
7.อาการชา หรือกล้ามเนื้ออ่อนแรง ที่อาจจะเกิดขึ้นแล้วเป็นๆ หายๆ เป็นอาการชั่วคราวที่จะหายได้เองใน 6-12 เดือน
ส่วนการพักฟื้นหลังการผ่าตัดแล้ว อาจจะมีอาการบวมช้ำ และอาจจะมีอาการชาร่วมด้วยประมาณ 1-2 สัปดาห์ ต้องใส่ผ้ารัดหน้า ตลอดทั้งวัน เป็นเวลา 3-4 วันหลังการผ่าตัด หลังจากนั้นก็จะใส่ผ้ารัดหน้าแค่ช่วงเวลากลางคืน เป็นเวลาประมาณ 1 เดือน เพื่อลดอาการบวมช้ำที่บริเวณหน้า ซึ่งก็จะค่อยๆ ยุบและดีขึ้น หลังจากนั้น อาจจะค่อยเริ่มนวดหน้าเบาๆ เพื่อช่วยกระตุ้นเส้นประสาท ไล่น้ำเหลือง ซึ่งจะสามารถทำงานหรือทำกิจกรรมต่างๆ เบาๆ หลังจากผ่านตัด ประมาณ 2 สัปดาห์ และอาการยุบวมก็จะค่อยๆ ดีขึ้นตามลำดับ และเริ่มเป็นปกติ ไม่มีอาการชา จนเริ่มเห็นผลลัพธ์การผ่าตัดที่ชัดเจนเต็มที่ประมาณ 6-12 เดือน
และนี่เป็นเพียงข้อมูลเบื้องต้น สำหรับเพื่อนๆ คนไหนที่สนใจอยากจะรับบริการผ่าตัดดึงหน้า แต่ยังไม่รู้ว่าจะไปรับบริการ ผ่าตัดดึงหน้าที่ไหนดี ? ลองเข้ามารับคำแนะนำ รับคำปรึกษากับทางศัลยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ และชำนาญ เฉพาะด้านเกี่ยวกับ การผ่าตัดตึงหน้าโดยตรง ที่ศิริพร คลินิก ผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพและความงามครบวงจร
เบอร์โทรศัพท์ : 094-969-4699
Facebook Page : Siriporn Aesthetic ศิริพร สุขภาพและความงาม
อีเมล์ : info@drsiriporn.com
วันทำการ : วันอังคาร – วันอาทิตย์ (หยุดวันจันทร์) 11:00 น.- 20:00 น.
ที่อยู่ : 14/41 ซอยเจริญกรุง 107 ถนนเจริญกรุง เขตบางคอแหลม กรุงเทพมหานคร 10120